วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สำนักหุบผาสวรรค์

หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
เมื่อ พ.ศ.2515 คณะกรรมการของสำนักปู่สวรรค์ได้ขยายกิจการ  โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะจัดตั้งสำนักสงฆ์ขึ้น ที่เทือกเขาเสือหมอบหรือเขาถ้ำพระ ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ภายใต้ความดูแลของกรมศิลปากร เพราะถือกันว่าสถานที่นี้คือ จุดทอแสงของพระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ โดยเป็นที่พำนักของพระอรหันต์สำคัญ 2 องค์

ถ้ำสาริกา จุดพักของคณะธรรมทูต จากอินเดีย เพื่อมาเผยแพร่ พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ คือพระโสณะ และพระอุตตระ เมื่อแรกนำคณะธรรมทูตเดินทางมาเผยแพร่ พระพุทธศาสนา ในดินแดนสุวรรณภูมิประเทศ

เขาถ้ำพระ เป็นภูเขาที่สวยงาม แต่เมื่อ 20 ปีเศษมาแล้ว ในอดีตก่อนที่หุบผาสวรรค์จะมาดำเนินงานเคยเป็น ที่ซ่องสุมของมิจฉาชีพ และผู้ก่อการร้าย ทั้งนักธุรกิจเข้าไปประกอบการระเบิดหินด้วย ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล กรรมการสำนักปู่สวรรค์ ได้ขอเข้าพบ น.อ.สมภพ ภิรมย์ อธิบดีกรมศิลปกร ในสมัยนั้น ขออนุญาตเข้าไปจัดตั้งสำนักปฎิบัติธรรม และหวังที่จะสร้างปูชนียวัตถุขึ้น เพื่อให้คนเกรงกลัวต่อบาป ทั้งนี้อธิบดีกรมศิลปกรให้ความเห็นชอบ

ด้วยจะเป็นการช่วยอนุรักษ์โบราณสถานแห่งนี้ น.อ.สมภพ ภิรมย์ อนุญาตให้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล ใช้ที่ดินในโบราณสถานเขาถ้ำพระ เพื่อจัดตั้งสำนักกรรมฐาน

อนึ่ง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 ได้มีการประชุมระหว่าง พล.ท.สายหยุด เกิดผล ผบ.ศอป. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) นายจำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีในปีนั้น และศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชรโรบล กับ นายบุญยง ว่องวานิช ผู้แทนสำนักปู่สวรรค์ โดยผู้แทนสำนักปู่สวรรค์ชี้แจงว่า ได้ไปตั้งสำนักสงฆ์หุบผาสวรรค์ขึ้นในเนื้อที่ ประมาณ 15 ไร่ เพื่อให้เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม แต่พบว่ามีอุปสรรค 2 ประการ คือ
  1. มีผู้ทำการระเบิดหินในพื้นที่ใกล้เคียง
  2. มีการเคลื่อนไหวของ ผกค.บริเวณเขาเสือหมอบ
เป็นอันว่าการเปิดสำนักหุบผาสวรรค์ ได้รับความเห็นชอบจากกรมศิลปกร และผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีเป็นที่เรียบร้อย

สันติเจดีย์ เจดีย์แห่งสันติภาพ
แต่คงจะเป็นการขัดขวางต่ออิทธิพลของผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ ทั้งขัดขวางผลประโยชน์แก่ผู้ทำการระเบิดหินด้วยในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของสำนักหุบผาสวรรค์เป็นไปด้วยดี อาศัยกรรมการที่เข้มแข็ง 2 คน คือท่าน ศาสตราจารย์ดร.คลุ้ม วัชโรบล และ ศาสตราจารย์ ดร.หลวงสมานวกิจ มีผู้อุทิศ แรงกายแรงใจ ช่วยสร้างสำนักให้เป็นที่รื่นรมย์ ดึงดูดทั้งคนไทยและต่างประเทศให้ไปเยี่ยมชมมีการสวดมนต์ไหว้พระ การบรรยายธรรม การส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ และการส่งเสริมการเกษตร เป็นต้น

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2517 ได้มีพิธีวางศิลามงคลสร้างสันติเจดีย์เป็นเจดีย์สิบยอด สร้างบนยอดเขาเสือหมอบ โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปรินายก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามทรงเป็นองค์ประธานในพิธี

ในเดือนกันยายน พ.ศ.2518 ได้มีการขอจดทะเบียนสมาคมศาสนาสัมพันธ์ขึ้น มีพลตรี ปราการ ภูวนารถนุรักษ์ เป็นนายกสมาคมคนแรก และในระยะต่อมา อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้รับคัดเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมในช่วง พ.ศ. 2520-2524 โดยต่อเนื่อง

ทางเข้าสู่เมืองศาสนา
หลังจากนั้น สมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้รณรงค์หยั่งเสียงในหมู่ประชาชนชาวไทย ในหัวข้อเรื่อง “คนไทยต้องการสันติภาพ ไม่ต้องการสงคราม” ทั้งได้เสนอรายงานผลการหยั่งเสียงสันติภาพแก่สหประชาชาติด้วย โดยอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ และคณะ ได้เดินทางไปพบเลขาธิการสหประชาติ ที่องค์การสหประชาชาติ ณ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

สมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้ส่งคณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์เพื่อสันติภาพ ไปยังประเทศต่างๆ หลายประเทศอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะ ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 และจอห์นปอลที่ 2 เข้าพบเลขาธิการสหประชาชาติ รวมทั้งบุคคลสำคัญๆ เช่น ผู้นำศาสนาอิสลาม ประมุขศาสนาซิกข์ และองค์ดาไลลามะ เป็นต้น ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีทุกแห่ง ถึงสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้รับเข้าเป็นภาคีฝ่ายประชาสัมพันธ์ (Department of Public Information) ของสหประชาชาติ และอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้รับแต่งตั้งเป็น “ทูตสันติภาพ” โดยองค์การสภาธรรมนูญโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่มลรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา

สมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้วางแผนที่จะมีการประชุมสันติภาพระหว่างประเทศขึ้น ที่สำนักหุบผาสวรรค์ในปี พ.ศ. 2525 เพื่อรวมพลังของศาสนาในโอกาสเฉลิมฉลอง 200 ปีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

พระบรมรูป
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
นอกจากสันติเจดีย์ที่ได้ทำพิธีวางศิลามงคล เมื่อ พ.ศ.2517 แล้ว สำนักหุบผาสวรรค์ยังได้ปูชนียวัตถุอันเป็นสัญลักษณ์ ของศาสนาต่างๆ ขึ้นไว้ เช่น พระพุทธรูปยืนสูง ๙ เมตร ปางถวายเนตร พระรูปพระเยซูคริสต์ พระแม่มาเรีย และพระพิฆเนศ เป็นต้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างนั้น ได้อาศัยความอุปถัมภ์ของมูลนิธิชินนะปูโตอนุสรณ์ ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นองค์กรต้องตามกฎหมาย เมื่อเดือนมีนาคม 2519  มีอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นประธานมูลนิธิฯ เพื่อให้ศาสนิกชนของแต่ละศาสนา ได้เข้าทำการสักการะบูชา ตามแบบของตน

สำนักหุบผาสวรรค์รุ่งเรืองอยู่ถึง พ.ศ. 2524 แล้วก็ถึงจุดที่ต้องพบมรสุมอย่างหนักจากฝ่ายการเมือง ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสาเหตุที่สำคัญ อันเนื่องมาจากโครงการจัดประชุมสันติภาพของโลก โดย อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้เชิญผู้นำทางศาสนา และทางการเมืองรวมทั้งสหประชาชาติ ให้มาประชุมที่หุบผาสวรรค์ในเดือนกันยายน พ.ศ.2525 ซึ่งถ้าหากโครงการนี้ทำได้สำเร็จ ก็จะขัดกับแนวนโยบายการแผ่อิทธิพล ด้วยกำลังอาวุธของประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคคอมมิวนิสต์สากล ประเทศคอมมิวนิสต์ทั้งรัสเซียและจีน รวมทั้งสหรัฐอเมริกากำลังต่อสู้กันอย่างหนัก

ในขณะนั้นจึงได้มีการทุ่มเงินจำนวนมหาศาล เพื่อล้มล้างสำนักหุบผาสวรรค์ เป็นผลให้หุบผาสวรรค์ต้องเสียชื่อเสียงในทุกด้าน และถูกทางราชการสั่งปิดการดำเนินกิจการทุกอย่าง ทรัพย์สินทั้งหมด ในหุบผาสวรรค์ที่ได้มาจากการบริจาคของผู้ศรัทธา ถูกริบและขายทอดตลาดหมดสิ้น ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ถูกทางราชการตั้งเป็น สถาบันพระสังฆาธิการ เพื่อประโยชน์ทางพุทธศาสนา

สันติเจดีย์ เปล่งฉัพพรรณรังษี บารมีแห่งพระบรมสารีริกธาตุ
เทือกเขาแห่งศาสนาเพื่อสันติของมวลมนุษยโลก
(ท่านสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จาก หนังสือเรื่อง ประวัติศาสตร์ต้องจารึกการทำลายหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา โดย ศาสตราจารย์ ดร.จุมพล สวัสดิยากร อดีตเลขาธิการสภาวิจัยแห่งชาติ)

ที่มาข้อมูลและภาพ
สวรรค์รำลึก. (2553). หุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต. [Online]. Available :
http://www.poosawan.org/hoopha.html. [2553.สิงหาคม 31].
อ่านต่อ >>

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พระครูไชยคีรีศรีสวัสดิ์ (หลวงปู่เข็ม)

พระครูไชยคีรีศรีสวัสดิ์ (หลวงปู่เข็ม)
ชาวบ้านม่วง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นิยมเรียก พระครูไชยคีรีศรีสวัสดิ์ ว่า "หลวงปู่เข็ม" หรือ "พระอุปัชฌาย์เข็ม" ท่านมีอายุอยู่ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 7

ท่านเกิดเมื่อวันอังคาร เดือน 5 ปี พ.ศ.2398 ได้บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 13 ขวบ กระทั่งถึงมรณภาพ เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2476 เมื่อมีอายุได้ 87 ปี เล่ากันว่าบิดามารดาของท่านมาตั้งหลักฐานอยู่ในเมืองไทยแต่ราวรัชกาลที่ 1

หลวงปู่เข็ม เป็นพระเถระที่เชี่ยวชาญในทางวิปัสสนาธุระ หาภิกษุเสมอเหมือนได้ยาก ในบริเวณสองฝากลุ่มน้ำแม่กลองตั้งแต่ วัดบ้านโป่ง วัดอุทุมพร วัดตาผา วัดมะขาม เรื่อยไปจนถึงวัดม่วง

หลวงปู่เข็มมีบทบาทสำคัญที่ทำให้วัดม่วงเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จัก ทั้งในหมู่คนมอญ ไทย แขก ลาว และกะเหรี่ยง เนื่องจากท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์พิเศษ สามารถบวชคนข้ามจังหวัดได้  ในสมัยก่อนพระอุปัชฌาย์มีน้อย ผู้คนในเขตภาคตะวันตกจึงพากันมาขอบวชกับหลวงปู่เข็มมากมาย ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ มีคนมอญไปมาหาสู่กับวัดม่วงเสมอ ทั้งที่เป็นญาติก็มี เป็นพระสงฆ์ก็มี และที่มาเพราะกิตติศัพท์ของหลวงปู่เข็มก็มาก แม้พวกกะเหรี่ยงก็ลงมาบวชที่วัดม่วงมากมาย

การเดินทางในสมัยนั้นใช้เดินเท้าเป็นหลัก เล่ากันว่าพวกกะเหรี่ยงเคารพนับถือท่านมากถึงกับมอบให้เท้าท่านถูกศีรษะ เพราะถือเป็นมงคลสูงสุดในชีวิต หลวงปู่เข็มมีเก้าอี้หวายประจำตัวมีคานห้ามสำหรับใช้ในการเดินทางไกล และมีเรือเก๋งที่ได้รับพระราชทานด้วย

การบวชสมัยก่อนมักจะบวชเป็นกลุ่มครั้งละหลายๆ องค์ เพราะต้องเดินทางไปไกลแต่ละท้องที่ ในหมู่คนมอญ หากถือผีเดียวกันต้องบวชพร้อมกัน ญาติพี่น้องของผู้บวชต้องเอาพลูจีบไปจองสาวๆ ที่จะมาเข้าขบวนแห่นาค ซึ่งจะต้องเลือกสาวพรหมจารี แต่งโจงกระเบน ห่มผ้าสไบ หรือใส่เสื้อคอกระเช้าแล้วห่มสไบทับอีกที

หลวงปู่เข็ม ได้ทำหน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์อยู่นาน จนประมาณปี พ.ศ.2440 จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูไชยคีรีศรีสวัสดิ์" วัดม่วงคงจะเจริญสูงสุดในสมัยนี้ เนื่องจากท่านได้สร้างความเจริญให้กับวัดมากมาย เช่น สร้างโบสถ์ กำแพง ศาลา โรงเรียน ทำให้บ้านม่วงเป็นศูนย์กลางการเรียนการศึกษาธรรมในสมัยนั้น มีอาจารย์บาลีมอญหลายรูป และมีการจารหนังสือกันมาก ทั้งพระอภิธรรม ชาดก นิทานต่างๆ พวกหนังสือบาลีมอญจะจารเพื่อให้พระเรียน ส่วนพวกนิทานชาดกจะใช้อ่านกันทั่วไป

เหรียญหลวงปู่เข็ม
อาจารย์อุ่น แห่งวัดม่วง เล่าว่า โบสถ์หลังปัจจุบันมีประวัติเล่าถึงการก่อสร้างไว้ในใบลานเก่าประมาณปี พ.ศ.2464 เข้าใจว่าหลวงปู่เข็มเป็นคนสร้าง นอกจากนี้มีการสร้างเหรียญ 2 ชนิดขึ้นให้บูชา เป็นเนื้อเงินและเนื้อทองแดง ด้านหน้าของเหรียญเป็นรูปหลวงปู่เข็ม มีอักษรขอมล้อมรอบ ส่วนด้านหลังเป็นรูปยันต์อักษรขอม มีอักษรไทยเขียนว่า ให้ไว้เป็นที่ระลีก  หลวงปู่เข็มได้รับการเชื่อถือว่า ใครที่สุกกับหลวงปู่ให้ท่านเป่ากระหม่อมให้ จะทำให้มีชีวิตก้าวหน้ารุ่งเรื่องดี จึงมีพระสงฆ์มาขอสึกกับหลวงปู่มาก

หลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก มีพรหมวิหาร 4 ใครมานิมนต์ไปไหนไม่เคยขัดศรัทธา จนลุกไม่ไหวก็ขึ้นคานห้ามแคร่ไป ความเลื่อมใสศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อท่านมีสูงมาก ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า " พระพุทธเจ้าหลวงเคยเสด็จที่วัดม่วง และยังพระราชทานแพรจีวรดอกพิเศษถวายท่านด้วย"

นอกจากนี้ หลวงปู่ยังมีกิตติศัพท์ในการเป็นหมอยารักษาโรคอีกด้วย โดยนำสมุนไพรที่ขึ้นในวัดมาทำเป็นยาลูกกลอน แจกชาวบ้านที่เดือดร้อนมาให้ท่านรักษา

หลวงปู่เข็มเป็นผู้ที่เคร่งครัดพระธรรมวินัยมาก ท่านจะสวดมนต์แทบทุกบทจนถึงพระปาฏิโมกข์ แต่จะสวดไปทางมอญ ท่านลงอุโบสถไม่เคยขาด ถ้าในพรรษาหลวงปู่จะกำหนดฉันเอกาอาหารคาวหวานสำรวมในบาตรหมด ความเมตาท่านมีสูง ทำให้ในวัดเต็มไปด้วยสัตว์เลี้ยงต่างๆ โดยเฉพาะหมาแมว ที่แม้เวลาฉันท่านยังต้องเอามือป่ายแมวที่มารุมห้อมล้อมที่บาตร ชาวบ้านจะสังเกตว่าท่านอยู่วัดหรือไม่ โดยดูจากบรรดาสุนัขที่ท่านเลี้ยงไว้มากมาย หากไม่เห็นสุนัขแสดงว่าท่านไม่อยู่ แต่ถ้าท่านไม่ไปไหนจะเห็นสัตว์ต่างๆ อยู่เต็มวัด ทั้ง หมู ไก่ เป็ด นกยูง ห่าน

อาจารย์อุ่น เล่าว่า "หมามันคงรู้ตัวดีว่า หากหลวงปู่ไม่อยู่มันคงถูกขว้างตี เพราะทั้งพระองค์อื่นๆ และชาวบ้านล้วนรำคาญ แต่ไม่กล้าไล่เวลาหลวงปู่อยู่"

ในงานพิธีศพของท่าน มีลิเก ปี่พาทย์ มากมายเป็นประวัติการถึง 36 คณะ ผู้คนต่างมาร่วมงานไว้อาลัยแน่นขนัด พอเสร็จพิธีเผา บรรดาเถ้าถ่านอัฐิต่างถูกแย่งเอาไปบูชาจนหมดสิ้น

ภาพถ่ายหลวงปู่เข็ม (องค์กลางแถวนั่ง)
กับหลวงปู่ปากกิเลน (องค์ที่ 2 จากขวานั่งติดกับหลวงปู่เข็ม)
อาจารย์โวะ (แถวนั่งขวาสุด)
กับบรรดาลูกศิษย์

ความเลื่อมใสศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อหลวงปู่ กลายเป็นตำนานที่เล่าสืบทอดกันต่อๆ มาในหมู่ชาวบ้านม่วงอย่างไม่ขาดสาย เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับความเมตตา ความสันโดษ ความขลัง และวิชาความรู้ที่ท่านสั่งสมเป็นมรดกตกทอดให้แก่วัดม่วง เป็นเรื่องที่เล่าขานไม่จบไม่หมด รูปหล่อเท่าตัวจริงของท่านบนศาลาการเปรียญที่วัดม่วง ที่ลงรักปิดทอง มีคำจารึกว่า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2450 ยังเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านทุกคน ซึ่งเป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจนถึงความสำคัญของท่านในจิตใจของชาวบ้าน หลวงปู่เข็มจึงเป็นพระสงฆ์ที่เป็นแบบอย่างของพระที่อุทิศตนเพื่อชาวบ้านและคงเป็นสัญลักษณ์ของวัดม่วงไปอีกนานเท่านาน

ที่มา
ข้อมูลและภาพประกอบ  :
ปรานี วงษ์เทศ. (2536). พระสงฆ์ : ผู้นำทางภูมิปัญญาท้องถิ่น. ลุ่มน้ำแม่กลอง : พัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม. มหาวิทยาลัยศิลปากร : พิฆเณศ พริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์. (หน้า 120-121)
ภาพเหรียญหลวงปู่เข็ม : http://www.taradpra.com/itemDetail.aspx?itemNo=435518&storeNo=5012
อ่านต่อ >>